ทริปเขาค้อ 3 วัน 2 วัน เที่ยวสบาย ชิลๆ นอนฟอกปอด กอดธรรมชาติ
วันที่ 1 ตื่นเต้นๆ
วันที่ 2 พร้อมลุยเต็มที่
หลังจากนอนเก็บแรง หลับฝันหวาน อาบน้ำแต่งตัวจัดเต็มเสร็จเรียบร้อย ก็ได้เวลาของอาหารเช้าที่ทางภูแก้วคอทเทจเตรียมไว้ให้ บอกเลยว่า
อาหารอร่อย บรรยากาศดี จนทำให้มื้อนี้เป็นมื้อที่อิ่มแปร้สุดๆ เมื่อท้องพร้อมก็ได้เวลาสตาร์ทเครื่องออกไปล่าหมอกกันต่อที่ “พิพิธภัณฑ์อาวุธฐานอิทธิ”
จุดเช็กอินที่เห็นหมอกละลานตาบริเวณรอบๆ เต็มไปหมด นอกจากนี้ยังเคยเป็นฐานสําคัญทางยุทธศาสตร์ในอดีต และปัจจุบันจัดเป็นพิพิธภัณฑ์อาวุธ
จัดแสดงปืนใหญ่ ซากรถถัง และอาวุธที่ใช้สู้รบกันบนเขาค้ออีกด้วย
แพลนเที่ยวของเรายังไม่หยุดอยู่แค่นี้ เพราะสถานที่ต่อไปเราจะพาทุกคนไปยังแลนมาร์กสำคัญ กับวิวหลักล้านอย่าง “เขาตะเคียนโง๊ะ”
จุดชมวิวบนยอดเขาที่สามารถชมวิวได้รอบตัว 360 องศา มองไกลออกไปสุดลูกหูลูกพร้อมกับทิวทัศน์ตรงหน้าช่างสำราญใจ
และถ้าใครได้มาช่วงเวลาเช้าๆเป็นต้องกรี๊ด เพราะน้องหมอกพร้อมออกมาให้เชยชมกันแบบพีคๆเลยทีเดียว
“พระบรมธาตุเจดีย์กาญจนาภิเษก” เจดีย์ที่มีสถาปัตยกรรมผสมผสานทั้งแบบสุโขทัย อยุธยา และรัตนโกสินทร์
ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปให้ประชาชนได้สักการะบูชา แม้สถานที่แห่งนี้อาจจะไม่ได้โด่งดังมากเท่ากับที่อื่นๆ
แต่รับรองถึงความสวยงามและความศักดิ์สิทธิ์ที่ได้รับแน่นอนค่ะ
กรี๊ดดดดเที่ยวเพลินจนลืมว่าหิวกันเลยทีเดียว มาถึงเขาค้อทั้งที เราไม่พลาดที่พาทุกคนไปกินของดีเมืองเพชรบูรณ์อย่าง “ขนมจีนเส้นสด 7 สี” กันค่ะ
ที่นี่มีน้ำยารสชาติเข้มข้นหลากหลายแบบมาก ไม่ว่าจะเป็นน้ำยากะทิ น้ำยาป่า น้ำเงี้ยว และน้ำยาถั่ว แต่ละแบบก็มีกิมมิค พร้อมรสชาติที่แตกต่างกันออกไป
ยิ่งได้กินแกล้มกับผักสดนะ อื้อหืออมันดีแบบดีเกินคาดมากจริงๆ หนังท้องอิ่ม แต่หนังตาครั้งนี้ยังไม่หย่อนนะคะ เพราะปลายทางต่อไปจะพาทุกคนไปย้อนวัย
ดูเจ้าไดโนเสาร์กันที่ “อะเมซิ่ง ไดโนเสาร์ เขาค้อ” สวนสนุกที่มีไดโนเสาร์เคลื่อนไหวราวกับมีชีวิตจริงๆ มากกว่า 10 สายพันธุ์
ท่ามกลางบรรยากาศร่มรื่น สวยงาม และอากาศที่เย็นสบายเรียกได้ว่า แชะรูปกับน้องๆ มาเต็มกล้องกันเลยทีเดียว
หลังจากสนุกสนานกับวัยเด็กเป็นที่เรียบร้อย ก็ได้เวลาเดินทางไปยัง “ไร่ GB เขาค้อ”
สถานที่แห่งนี้เป็นแหล่งชมวิวทุ่งกังหันลมท่ามกลางสวนดอกไม้เมืองหนาว โดยมีค่าบริการสำหรับการเข้าชมในไร่คนละ 10 บาทเท่านั้น
และเมื่อเราก้าวเท้าเข้าไปในไร่แล้วเงิน 10 บาทที่เสียไปนั้นคุ้มค่าเป็นอย่างมากเมื่อเทียบกับวิวตรงหน้า
ที่สำคัญไม่ว่าจะถ่ายภาพออกมาในมุมไหนก็ดูสวยงามไปเสียหมด
เป็นหนึ่งในจุดท่องเที่ยวที่เราอยากจะแนะนำให้ทุกคนได้มาสัมผัสจริงๆน้าา
แวะไร่ “ไร่ GB เขาค้อ” เสร็จ ถัดมาอีกไม่ไกลก็จะเป็นในส่วนของ “ไร่คิงคอง เขาค้อ” โลเคชั่นถ่ายรูปแห่งใหม่น่าไปเช็กอินกันต่อ
บอกเลยว่าสาวๆสายโซเชียลต้องเตรียมชุด เตรียมพร๊อบมาให้แน่นที่สุด เพราะที่นี่มุมถ่ายรูปเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นหุ่นฟางรูปคิงคองหรือสัตว์ต่างๆ
ซึ่งถือเป็นซิกเนเจอร์ของที่นี่ อีกทั้งยังมีมุมถ่ายรูปสวยๆ คู่กับวิวงามๆ ให้ได้มาเก็บภาพความทรงจำอีกมากมาย ปล. ค่าเข้าต่อคนประมาณ 40 บาทนะจ๊ะ
เช็กอินกับสถานที่ท่องเที่ยวกันไปหลากหลายจุด ได้เวลาพาร่างกายไปตะลุยกับความมันส์ของกิจกรรมแอดเวนเจอร์ในรีสอร์ทที่เราพักกันบ้างดีกว่า
ซึ่งกิจกรรมของที่นี่ก็มีหลากหลายให้เลือกเล่นกันอย่างเต็มที่ ตั้งแต่กิจกรรมชิลๆ ไปจนถึงกิจกรรมหวาดเสียว แต่สำหรับกิจกรรมที่เราชอบที่สุดคงต้องยกให้กับ
High Flying เอาจริงป่ะเรานี่กรี๊ดแทบปรอทแตกเพราะมันเสียวมากกก ก.ล้านตัววเลย เอาเป็นว่าหากใครที่เป็นสายแอดเวนเจอร์อยู่แล้ว
ต้องห้ามพลาดกับกิจกรรมสนุกๆแบบนี้ที่ ภูแก้ว แอดเวนเจอร์ พาร์ค นะคะ
สนุกสุดเหวี่ยง เสียงก็แหบพร่าเพราะกรี๊ดจนหมดพลังสุดๆ เย็นๆ แบบนี้ก็ได้เวลากินอีกแล้วจ้าาา
โดยมื้อนี้เราฝากท้องไว้ที่ร้านอาหารภูแก้วคอทเทจ และเมนูที่เราจัดกันจุกๆ กับเพื่อน คือ ชาบูภูแก้ว แกเอ้ยยยย มันอร่อยมากก อร่อยสมคำร่ำลืม
น้ำซุปดีมาก ซดร้อนๆ พร้อมอากาศเย็นๆ พูดได้คำเดียวว่าฟินตะบะแตกกันไปเลย เมื่อหนังท้องอิ่ม หนังตาก็เริ่มจะปิด
วันที่ 2 ของเราก็ต้องขอตัวไปนอนเก็บแรงกันก่อน เจอกันวันพรุ่งนี้ก่อนกลับกรุงกันต่อนะคะ
วันที่ 3 เตรียมตัวกลับบ้านเรา
วันสุดท้ายทั้งทีจะให้นอนตื่นสายๆ เหมือนอยู่บ้านคงไม่ได้ เพราะเช้าวันนี้เราจะพาทุกคนมาดูหมอกหนาลอยฟู่ฟ่องเต็มไปมาอย่างกับเมฆขาวที่
“ภูแก้วพีค” กันค่ะ เอาจริงๆ ยอมรับเลยว่าตื่นเช้าขนาดนี้อาการของร่างกาย คือง่วงมากเวอร์ แต่พอได้พาร่างกายมาเผชิญกับอากาศเย็นฟินๆ
พร้อมตาที่เปิดรับแสงเห็นภาพตรงหน้าบนภูแก้วพีคทำให้เราตื่นตาตื่นใจเป็นที่สุด บรรยากาศโดยรอบเย็นมาก แม้ฝนจะตกประปราย
แต่น้องหมอกเค้ายอมออกมาให้เราได้แชะภาพเป็นที่ระลึกเก็บไว้เป็นความทรงจำดีๆ ด้วยแหละ
วันสุดท้ายของการได้มาพักผ่อนที่เขาค้อ ก่อนกลับเราจะพาทุกคนไปชมทะเลหมอกกันก่อนที่ “วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว”
วัดที่รายล้อมไปด้วยทิวเขาสูงสลับซับซ้อนกันไปมา มีความงดงามของเจดีย์ ลวดลายการตกแต่งด้วยถ้วยกระเบื้อง หินสีต่างๆ ดูแปลกตา
รวมทั้งองค์พระพุทธรูปสีขาวประดิษฐานเรียงกัน 5 องค์ มองเห็นโดดเด่นมาแต่ไกล ยิ่งเรามาช่วงนี้ทะเลหมอกหนามากๆ
สดชื่นสบายใจ อิ่มบุญกันแบบเต็มที่ทั้ง 3 วัน
ปิดท้ายกับจุดเช็กอินที่เราจะพาทุกคนไปเสพสุขก่อนกลับบ้าน คือ ทุ่งหญ้าสะวันนาเมืองไทยที่
“อุทยานแห่งชาติ ทุ่งแสลงหลวง” อยากบอกว่าบรรยากาศช่วงหน้าฝนแบบนี้ดีมากๆ ร่มรื่นเย็นสบาย มองเห็นทุ่งหญ้าสีเขียวขจีกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา
รูปที่ได้กลับมาคือเมมเต็มกล้องกันไปรัวๆ
เรียกได้ว่าทริปนี้สมบูรณ์แบบมากๆเลยค่ะทุกคน ทั้งได้นอนฟอกปอด กอดธรรมชาติ เติมเต็มพลังงานชีวิตให้กลับไปสู้รบกับงานได้อย่างเต็มที่อีกครั้ง
เอาเป็นว่าใครสนใจอยากไปเที่ยวเขาค้อตามรอยเราล่ะก็รีบแพ็กกระเป๋า แท็กเพื่อน พ้อง น้องพี่ คนรัก ครอบครัวไปกอดความสุขใกล้ๆ กรุงกันตอนนี้เลยค่าาา